วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การดูแลต้นโฮย่า

การดูแลต้นโฮย่า
1.สภาพแสงสำหรับเลี้ยงโฮย่า
     โฮย่าแต่ละชนิดจะชอบสภาพแสงต่างกัน เป็นการยากที่จะหาปริมาณแสงที่เหมาะสม
สำหรับโฮย่า
  สภาพแสง ที่ควรได้รับคือ  ครึ่งวันตอนเช้าควรได้รับแสงอย่างเต็มที่  
ส่วนตอนบ่ายควรอยู่ในร่ม จะได้ผลดีที่สุด เพราะแสงตอนเช้าไม่มีความร้อนมาก ในทางตรงข้ามแสงตอนบ่ายมีแต่ความร้อน พืชนำไปใช้สังเคราะห์แสงได้น้อย

2. สภาพความชื้น (การให้น้ำ)

       ธรรมชาติของโฮย่าเป็นพืชอิงอาศัย แบบเดียวกับกล้วยไม้ เมื่อรากเขาชอนไชเกาะแน่นกับต้นไม้ใหญ่หรือเปลือกไม้แล้ว ก็จะอาศัยน้ำฝนน้ำค้างตามธรรมชาติ เมื่อนำมาปลูกเลี้ยง
อย่าได้คิดว่าเหมือนการเลี้ยงต้นไม้ดอกกระถางที่ปลูกในดิน คือรดน้ำทุกวัน แบบนั้นจะทำให้
รากและโคนเน่าง่ายมาก ถ้าอากาศไม่ร้อนจัด รดน้ำทุก
2-3 วันก็พอเพียง ช่วงไหนอากาศร้อนจัดอาจจะรดทุกวันได้ หมั่นตรวจสอบดูว่าเครื่องปลูกที่ก้นกระถางแห้งหรือยัง
ด้วยการเอานิ้วแหย่ก้นกระถางดู ถ้าชื้นนิดๆ จึงค่อยรดน้ำใหม่




การปลูกต้นโฮย่า

การปลูกต้นโฮย่า  
1.  ภาชนะ
 ปลูกควรเลือกภาชนะก้นตื้นเพราะรากจะเกาะและกินอาหารตามผิวมักจะปลูกแบบไม้แขวนและไม้เลื้อยขึ้นแล้วดัดพันให้เป็นพุ่มเมื่อโฮย่าแตกกิ่งมากขึ้น หรือปลูกเป็นไม้เถาเลื้อยตามซุ้มหรือไต่กำแพงรั้วบ้านก็ได้แต่ควรให้ได้รับแสงแดดอย่างน้อยในครึ่งวันเช้า  

2. วัสดุ
วัสดุปลูกที่เหมาะสมควรระบายน้ำและอากาศได้ดี มีธาตุอาหารเพียงพอ เก็บความชื้นและ
ไม่ผุพังหรือยุบตัวเร็วเกินไป วัสดุที่ใช้ได้ผลดี คือ รากเฟินชายผ้าสีดาสับ กาบมะพร้าวสับ
หรือใช้ดินผสมที่มีจำหน่ายทั่วไปผสมกับวัสดุอื่น ๆ ที่ช่วยถ่ายเทอากาศและน้ำ เช่น ถ่านทุบ
 แกลบสด เปลือกถั่ว ข้อเสียของดินผสมคือยุบตัวเร็วและอุ้มน้ำมากเกินไป ทำให้รากเน่าได้ง่าย

 
3.  สถานที่
โฮย่าปลูกเลี้ยงได้ง่ายในทุกสภาพพื้นที่ในสภาพธรรมชาติเราสามารถพบโฮย่าบางชนิด
ในป่าผลัดใบที่มีสภาพแห้งแล้ง และมีแสงแดดจัดมาก ในขณะที่ป่าดิบที่แสงส่องไม่ถึงเราก็สามารถพบโฮย่า บางชนิดได้ด้วย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ต่างประเทศ ซึ่งทุกๆปีจะมีหิมะตกหนัก
ติดต่อกันนานหลายเดือนก็สามารถปลูกเลี้ยงโฮย่าได้ในบ้านเรือน แม้จะมีสภาพแสงน้อยก็ตาม 



วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

โฮย่าลาร์คูโนวซ่า

7.  โฮย่าลาร์คูโนวซ่า ( Hoya lacunosa  )

                                                                                                   

                                                                
                โฮย่าลาร์คูโนวซ่า ที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตโดยการแขวน 
มีพันธุ์ที่แตกต่างของ โฮย่าลาร์คูโนวซ่า มี แต่ส่วนใหญ่ "ทั่วไป" หนึ่งมีใบที่มีสีเขียวยาว 3-6 ซม. กว้าง1.5-2.5 ซม. มันง่ายที่จะเติบโต ดอกไม้เป็นครีมสีขาวเกือบประมาณ 8 มม.
และคุณจะพบว่ามันสามารถออกดอกได้
15-25 ดอก
      โฮย่าลาร์คูโนวซ่า ( Hoya lacunosa ) กลีบมีขนสีขาวและสีเหลืองสีขาวมาลา
สามารถพบได้ในป่าที่ลุ่มภาคใต้ของประเทศไทย
 ใบเป็นเนื้อของทั้งสองรูปแบบ
รูปแบบแรก ใบมีลักษณะเป็นรูปไข่หนาถึง 3 ซม. ยาว 2.5 ซม.
แบบที่สอง กว้าง
7 ซม. ยาว 3 ซม. ดอกไม้มีขนาดประมาณ 1/4 นิ้วของเส้นผ่าศูนย์กลาง
 กลีบสีขาวมีขนด้านในมีขนหนายาว
 ดอกไม้จะออกดอกประมาณ 4 วันและกลิ่นหอม
 มันเป็นหนึ่งในโฮย่าที่มีขนาดเล็ก และสูง
  

โฮย่า ลาทิโฟเร แวริเกรตาร์

6. โฮย่า ลาทิโฟเร แวริเกรตาร์ ( Hoya latifolia variegata )


            โฮย่า ลาทิโฟเร แวริเกรตาร์ นี้มาจากอินเดียไทยและพม่า โฮย่า ลาทิโฟเร แวริเกรตาร์ ดีที่สุดเหมาะสำหรับการเจริญเติบโตที่แขวน ใบมีขนาดเล็กรูปใบหอกรูปประมาณ 3 ซม. ยาวและ 1 ซม.
โฮย่า ลาทิโฟเร แวริเกรตาร์ นี้อาจเป็นเรื่องยุ่งยากที่จะเติบโต
 มันชอบน้ำมาก แต่ไม่มากเกินไป
ถ้ารากเน่าให้ตัดและเริ่มออกดอกไม้จะมีสีขาวกับสีชมพู / โคโรนาสีม่วงและมีการจัดเรียงสดที่ดี
ของกลิ่นหอมเหมือนพวกเขาจะประมาณ
1.5 ซม. และโดยจะมีดอก 7-9 ดอกในแต่ละช่อ 
ดอกจะเติบโต ประมาณ
8 วันและ ดอกจะร่วงไป   

            โฮย่า ลาทิโฟเร แวริเกรตาร์ เป็นป่าดิบ ยืนต้นไม้เลื้อยหรือเถาวัลย์หรือไม่ค่อยพุ่มไม้ . 
พวกเขามักจะเติบโตบนต้นไม้และเติบโตทางภาคพื้นดินหรือในพื้นที่หินโดยปีนขึ้นไปพัน
ของ
ราก  เป็นสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่เติบโต 1-18 เมตร (3-59 ฟุต) หรือมากกว่า
ใบอาจแสดงความหลากหลายของรูปแบบและอาจจะเรียบหรืออัดเป็นแผ่นมีขนดก และหลายชนิดมีพื้นผิวใบด่างที่มีความผิดปกติของจุดสีเงินขนาดเล็กดอกไม้จะมีขนาดที่แตกต่างกัน
3 มิลลิเมตร (0.1 ใน) รูปแบบดอกไม้โดยทั่วไป มีรูปร่างเหมือนดาวห้าแฉก และมีกลีบรูปสามเหลี่ยมราบกับ
โครงสร้างรูปดาว
ใบจะ แตกต่างกันในขนาดที่เนื้อสีและลายเส้น ใบมีขนาด 5 มิลลิเมตร
และมีความยาว
2-4 มม.  

โฮย่า คาร์โนวซ่า เอ็กซ่าดิคา

5. โฮย่า คาร์โนวซ่า เอ็กซ่าดิคา  ( Hoya carnosa 'Exotica' )


          โฮย่า คาร์โนวซ่า เอ็กซ่าดิคา  ( Hoya carnosa 'Exotica' ) มีจุดด่างดำใบสีเหลืองมีสีเขียวแดงชมพู
ใบจะเรียบ และเป็นรูปไข่ มียางขาวและพบในพื้นที่ทางตอนใต้ของจีนไปยังประเทศออสเตรเลีย
เป็นไม้ยืนต้นเถาพุ่ม อ้วนใบขี้ผึ้งเป็นรูปไข่ที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าในรูปร่างและลำต้นสีเขียวเข้มจัด
เป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมหวานในเวลากลางคืนและมีดอกขนาดใหญ่กระจุกกลม  สีดอกเป็นสีชมพูมีความโดดเด่นที่กลีบสีแดงรูปดาว (กลีบดอกด้านใน)  

          โฮย่า คาร์โนวซ่า มีการเจริญเติบโตพันและจะได้รับค่อนข้างใหญ่ในเวลาไม่นาน มันเป็นโฮย่า
ที่พบมากที่สุดและมีหลายพันธุ์ ลักษณะใบจะหนาและเงาค่อนข้างยาวประมาณ
6-11 ซม.
และกว้าง
4-6 ซม. ใบมักจะผสมสีเขียว บางใบเปลี่ยนเป็นสีเขียวในขณะที่โฮย่าเติบโต
พืชสีเขียวที่สวยงามที่มีใบให
​​ญ่และเข้ม คุณควรวางโฮย่าไว้ตรงหน้าต่างที่มีแสงมาก
คาร์โนวซ่าเป็นดอกไม้ที่มีหนาประมาณ
2 ซม. และคุณจะพบ 20-30 ดอกไม้ในแต่ละช่อ
 กลีบเป็นสีขาว / สีชมพูอ่อนและโคโรนาเป็นสีขาวกับแหวนสีแดงอยู่ตรงกลาง
 
ดอกไม้เหล่านี้ผลิตจำนวนมากของน้ำหวานและมีกลิ่นหอมหวาน

โฮย่า คาร์โนวซ่า

4.  โฮย่า คาร์โนวซ่า ( Hoya carnosa )



           โฮย่า คาร์โนซ่า (Hoya Carnosa) หรือชื่อภาษาไทยว่า “ผกาแก้ว”  ลักษณะจะไปใกล้เคียงกับ 
โฮย่า พันธุ์ ฟันจิอาย (
Hoya Fungii) สีสันรูปทรงใกล้เคียงกันมาก แต่โฮย่า คาร์โนซ่า
จะมีแฉกดอกที่คมกว่า และที่ชัดเจนคือใบเค้าจะเรียวแหลม แต่
 ฟันจิอาย จะหนาและกลมมน
 ถิ่นกำเนิดของเค้าอยู่ที่จีนตอนใต้ หรือในแถบฮ่องกง นิยมปลูกตามระเบียงที่มีแสงแดดรำไร
ไม่ร้อนเกินไป และต้องมีน้ำให้โฮย่า คาร์โนซ่า (
Hoya Carnosa) จะชุ่มชื่นสดใส
 ดอกเค้าจะคล้ายกับดาวเลย ออกดอกเป็นช่อพุ่ม โฮย่า คาร์โนซ่า (Hoya Carnosa) “ผกาแก้ว” 
ปุ่มกลางดอกเค้าจะมีสีออกแดงทับทิมนะคะ ดอกเค้าเล็ก และเว้าเข้า เล็กกว่าพันธุ์
 ฟันจิอาย
ช่อดอกเบียดกันแน่น
    เมื่อดอกบานแล้วจะอยู่นาน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เป็นเอกลักษณ์
 เมื่อดอกเค้าร่วงแล้ว อย่าเผลอเด็ดก้านช่อออก เพราะคาร์โนวซ่าพร้อมที่จะออกดอกอีกครั้งที่ก้านช่อเดิม
   
               โฮย่า คาร์โนวซ่า ( Hoya carnosa )  ดอกไม้โดยทั่วไปจะมีสีชมพูอ่อน แต่อาจแตกต่างจากสีขาวดอกจะมีลักษณะเป็นรูปดาวและพื้นผิวของดอกไม้ที่ถูกปกคลุมไปด้วยขนเล็ก ๆ ให้เงาเลือนกับพวกเขา พวกเขาจะมีกลิ่นหอมมากและอาจจะผลิตน้ำหวานส่วนเกินที่หยดจากดอกไม้ เช่นเดียวกับยาทุกชนิดนี้เป็นดอกไม้ยืนต้นจากโครงสร้างพิเศษที่เรียกว่าสเปอร์ เหล่านี้จะปรากฏจากเซลล์
ของใบและลำต้น ในแต่ละฤดูที่ออกดอกใหม่ สเปอร์เหล่านี้จึงไม่ควรได้รับความเสียหายหรือถูกลบ

โฮย่า เพลกริแครดา

3. โฮย่า เพลกริแครดา ( Hoya pachyclada ) 
    


                     โฮย่า เพลกริแครดา ( Hoya pachyclada )  ไม้เถาอิงอาศัย มีน้ำยางขาว ใบ เป็นใบเดี่ยว 
ออกตรงข้ามเป็นคู่ อวบหนา รูปไข่กว้าง ขนาดกว้าง 5-8 ซม. ยาว 6-10 ซม. ก้านใบยาว 1-1.5 ซม. ดอก สีขาวครีม เป็นช่อ รูปครึ่งทรงกลม มี 20-30 ดอก ก้านดอกย่อยยาว 2-2.5 ซม.
เรียงแบบซี่ร่ม ก้านช่อยาว
2 ซม. กลีบดอก 5 กลีบ โคนเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็น 5 แฉก
ขอบกลีบม้วนลงด้านล่าง กลางดอกมีเส้าเกสรเป็นแผ่นรยางค์ 5 แฉก เกสรผู้มี 5 อัน
ผล เป็นฝักยาวคู่ ปลายแหลม ขนาดกว้าง 0.3-0.4 ซม. ยาว4-6 ซม. เมล็ดแบน รูปรี
มีขนขาวเป็นพู่ที่ปลาย   พบได้ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตกของประเทศไทย
ตามป่าเบญจพรรณ
               โฮย่า เพลกริแครดา นี้ได้รับดอกไม้งดงามที่มีสีขาวและเงางาม มีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ
ออกดอก
20-25 ดอกในแต่ละช่อ ออกดอกในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนและมีกลิ่นหอม
 ใบมีสีเขียวและหนาและมีขอบสีแดง 

โฮย่า แครรี่ แกร็ป

2.  โฮย่า แครรี่ แกร็ป [  Hoya kerrii Craib (Sweetheart Hoya) ]
  
 

               โฮย่า แครรี่ แกร็ป [  Hoya kerrii Craib (Sweetheart Hoya) ]ถิ่นกำเนิดในแถบอินโดจีน 
โฮย่าสายพันธุ์นี้คนพบโดย Dr. Kerr ที่ดอยสุเทพ ซึ่งโฮย่าชนิดนี้พบได้ตามป่าดิบแล้งทั่วทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ ใบเป็นรูปหัวใจ ดอกมีขนาดประมาณ 0.8 ซม. กลีบดอกสีชมพูอมเขียว
มีขนเป็นกำมะหยี่ เมื่อบานกลีบดอกจะพลิกกลับไปด้านหลัง จะมีมงกุฎสีชมพูถึงสีม่วงเข้ม
 
             โฮย่า แครรี่ เป็นพืชปีนเขาที่สามารถเติบโตได้ถึง 4 เมตรสูง (ประมาณ 13 ฟุต) 
ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลาง
7 มม.  
             โฮย่า แครรี่ นี้มาจากไทยลาวและกัมพูชานี้เป็นโฮย่า ที่ต้องการพื้นที่มาก 
แต่มันจะเติบโตค่อนข้างช้า ใบหนารูปหัวใจประมาณ 9-12 ซม. ยาว 7-9 ซม. กว้าง สีเป็นสีเขียวเข้ม นอกจากนี้ยังน่าจะเป็นหนึ่งที่มีใบ ดอก สีชมพูอ่อนด้วยโคโรนาสีชมพูเข้ม แต่ละดอกมีประมาณ 1.5 ซม. และมีสีส้ม / สีน้ำตาล น้ำหวาน ในแต่ละช่อ มีดอกไม้  15-30 ดอกไม้  

โฮย่า ออบทูซิโฟเลีย

 1. โฮย่า ออบทูซิโฟเลีย ( Hoya obtusifolia ) 
    


               โฮย่า ออบทูซิโฟเลีย   นี้ออกดอกสวยงาม โฮย่า ออบทูซิโฟเลีย   มาจากประเทศพม่า
ภาคใต้ของประเทศไทยและมาเลเซีย ใบมีสีเขียวสดใส  โฮย่า ออบทูซิโฟเลีย
จะออกดอก 3 ถึง 4 วัน โฮย่า ออบทูซิโฟเลียจะออกดอกในช่วงฤดูฝนจากกรกฎาคม-ตุลาคม 
ในเวลาเดียวกันโฮย่า ออบทูซิโฟเลีย   เป็นของหายาก 
              โฮย่า ออบทูซิโฟเลีย ( Hoya obtusifolia ) เป็นโฮย่าสายพันธุ์ไทย พบได้ในป่าดงดิบ
 และป่าชายเลนในภาคใต้ ช่อดอกขนาดใหญ่ แข็งแรง ดอกดก แต่ร่วงประจำ จะมีอยู่ด้วยกัน สามสีทั้งสีเหลืองล้วน สีเหลืองไส้แดง และสีเขียว
 
               โฮย่า ออบทูซิโฟเลีย  ไม้เลื้อยอิงอาศัย ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง มีรากตามข้อลำต้น
ทุกส่วนมีน้ำยางขาว ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงข้าม แผ่นใบหนาอวบน้ำ รูปไข่ถึงรูปรี
กว้าง
4-10 ซม. ยาว 5-12 ซม. เกลี้ยงทั้งสองด้าน ปลายใบแหลม โคนใบมน
 ก้านใบยาวประมาณ
1 ซม. ดอกสีขาว ตรงกลางสีแดง ออกเป็นช่อค่อนข้างกลมคล้ายซี่ร่ม
ตามซอกใบ ดอกย่อยขนาด
0.6-0.8 ซม. กลีบดอก 5 กลีบ อวบมัน ผลเป็นฝักเรียว ยาว 14-15 ซม. กว้างประมาณ 0.5 ซม. เมล็ดเล็ก แบน รูปไข่ มีขนเป็นพู่ที่ปลาย 


สายพันธุ์โฮย่าในไทยที่นิยมปลูก

7.  โฮย่าลาร์คูโนวซ่า ( Hoya lacunosa  )

ต้นโฮย่า Hoya Tree

ประวัติต้นโฮย่า

 ในปี ค.ศ.1800  Thomas Hoy…เป็นคนสวนของท่าน Duke of  Northum berland in England และท่านชอบสะสมต้นไม้ ท่านมีชื่อเสียงในด้านนี้ ท่านมาท่องเที่ยวในเอเชีย บ่อย
 และส่งต้นไม้ที่น่าสนใจกลับอังกฤษ
 Thomas Hoy จะนำต้นไม้เหล่านั้นมาดูแล ..ต้นHoya นี่เองที่ดูแลได้ดี ออกดอกสวยงาม ชาวอังกฤษไม่เคยเห็นและชื่นชอบความงามอันอ่อนช้อย ทั้งก้าน ใบ
 ลำต้นที่เลื้อยแลดูอ่อนหวาน ทรงดอกที่แปลกตา ผิวมันวาว (จนได้ชื่อว่า Wax plant ) และบางชนิดมีกลิ่นหอมตรึงใจ ในสมัยนั้น ท่าน Duke และ Thomas Hoy..ไม่ได้ตั้งชื่อให้ Hoya
แต่ในการนำต้นไม้เข้า มีต้องมีชื่อและสายพันธุ์เพื่อการจัดลำดับ Robert Brown จึงเรียกชื่อต้นไม้แสนอ่อนหวานนี้ว่า Hoyaโดยมาจากชื่อ Thomas Hoyผู้ประสบความสำเร็จในการเพาะเลี้ยง
ไม้ดอกชนิดนี้อยู่ในวงศ์
“Asclepiadaceae” สกุลของเขาคือ “Hoya” แต่สกุลของไทยคือ นมตำเลียกระจายพันธุ์อยู่ในเขตร้อนของทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก
ไม้กลุ่มนี้มีมากกว่า
200 ชนิด ในประเทศไทยพบว่ามีประมาณ 40 ชนิด ข้อมูลรวม ๆ บอกว่า
เป็นไม้เถาหรือไม้เลื้อย ทุกส่วนมีขาวขาวคล้ายน้ำนม ลักษณะดอกจะเป็นช่อ ภายใน
1 ช่อ
จะประกอบไปด้วยดอกเล็ก ๆ อีกหลายดอก ตรงกลางของแต่ละดอกจะมีส่วนที่เรียกว่า
มงกุฎขนาดของช่อดอกก้อต่างกันไปตามสายพันธุ์ มีตั้งแต่ขนาดใหญ่จนถึงขนาดเล็กมาก ๆ